
ในความรักอันเป็นตำนานเรื่องนี้ มันมีทั้งคนที่หลอก และมีคนที่ถูกหลอก ผมจะไม่บอกว่ามุมมองที่เปลี่ยนไปของเรื่องราวนี้เป็นอย่างไร แต่ถ้ามองอย่างเข้าใจในความรักของแม่นาก สิ่งหนึ่งซึ่งผมรู้สึกว่ามันมีคุณค่าเหนือกาลเวลาเสมอมา ก็คือ แม่นากนั้น จำต้องหลอกคนรักเพื่อให้ตนเองได้อยู่ร่วมกับคนที่ตนรัก การหลอกแบบนี้ แม้หลายคนจะกล่าวว่ามันเป็นความเห็นแก่ตัว เหมือนที่ตัวละครในเรื่องพูด แต่ที่สุดแล้ว มันก็มีความงามในตัวของมันเอง เพราะเป็นการหลอกเพราะรักเพื่ออยากอยู่ด้วย ไม่ใช่อยู่ด้วยแล้วยังหลอก นอนเตียงเดียวกัน แต่ฝันถึงคนอื่น ก็เยอะแยะมากมาย จริงไหม? “พี่มาก พระโขนง” ตอนนี้ยังแรงไม่หยุดกวาดไปเพิ่มขึ้น ถ้ายังไม่ถอดออกก่อน ชาวเน็ตลุ้นโดนใจทะลุ 400 ล้าน พร้อมชูเป็นอันดับ 1 หนังไทยทำเงินสูงสุด ขณะที่ผู้กำกับนักแสดงบินโปรโมตหนังที่อินโดฯ ด้าน “คู่กรรม” น่าห่วงสุดๆ 3 วันเก็บไม่ถึง 20 ล้าน แถมถูกลดโรงฉายอีก (น่าสงชาน)
จากตัวเลขดังกล่าวจึงส่งผลให้ “พี่มาก พระโขนง” กลายเป็นภาพยนตร์ทำเงินอันดับที่หนึ่งของค่าย “จีทีเอช” ลบสถิติเดิมของ “ATM เออรัก เออเร่อ” ที่ทำรายได้ไป 152.5 ล้านบาท รวมถึงส่งให้ “พี่มาก พระโขนง” กลายหนังไทยทำเงินสูงสุดอันดับที่ 2 โดยยังเป็นรอง “สุริโยไท” ของท่านมุ้ย “หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล” ซึ่งทำไว้สูงถึง 550 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ถึงตอนนี้ได้มีชาวโลกออนไลน์พากันคาดเดากันว่ามีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่ “พี่มาก พระโขนง” จะทำรายไม่เพียงแค่ 300 ล้านบาทเท่านั้น แต่อาจจะไปไกลถึง 400 ล้านบาทเลยทีเดียว หากยังคงรักษากระแสและจำนวนรายได้ไปอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ เนื่องจากหนังตลกนั้นคงจะเป็นทางเลือกที่หลายๆ คนให้ความสนใจอย่างแน่นอน อีกประเด็นที่ชาวอินเทอร์เน็ตได้มีการพูดถึงกันเป็นอย่างมากในตอนนี้ก็คือการที่หนัง “พี่มาก พระโขนง” สามารถทำรายได้สูงถึง 374 ล้านบาทไปแล้วนั้นน่าจะยกให้เป็นหนังไทยที่ทำเงินอันดับหนึ่งหรือเปล่า? โดยให้เหตุผลว่าการได้มาซึ่งรายได้ 550 ล้านบาทจากหนัง “สุริโยไท” ของท่านมุ้ยนั้นมีปัจจัยในหลายอย่างเข้ามาประกอบ ไม่น่าจะเอามาคิดรวมกัน อย่างไรก็ตามก็ได้มีบางส่วนที่แย้งว่าหากจะคิดเรื่องรายได้ก็ต้องว่ากันถึงเรื่องรายได้ เพราะไม่เช่นนั้นก็คงจะต้องเอาหนังไทยในอดีตที่มีรายได้สูงๆ มาคำนวนใหม่ด้วยเนื่องจากค่าเงิน รวมถึงค่าตั๋วที่เปลี่ยนไปนั่นเอง
ทั้งนี้นอกจากจะโกยเงินในบ้านเราเป็นว่าเล่นแล้ว ทางทวิตเตอร์ของค่าย “จีทีเอช” ยังรายงานด้วยว่า ในวันนี้ทางผู้กำกับหนัง “พี่มาก พระโขนง” อย่าง “โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล” รวมถึงนักแสดง อาทิ ใหม่ ดาวิกา, ฟรอยด์ ณัฏฐพงศ์, เชน อัฒรุต ฯ ก็จะไปร่วมเปิดตัวรอบพรีเมียร์ของหนัง “พี่มาก พระโขนง” ที่ประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย สำหรับหนังไทยอีกเรื่องอย่าง “คู่กรรม” ซึ่งได้พระเอกสุดดังแห่งยุค “ณเดชน์ คูกิมิยะ” มารับบทเป็น “โกโบริ” ประกบกับนางเอกหน้าใหม่ “ริชชี่ อมราวดี ดีคาบาเลส” ที่หลายคนมองว่าจะเป็นหนังที่เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ “พี่มาก พระโขนง” นั้น หลังจากเข้าฉายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาทำรายได้ไปไม่ดีนัก 8.4 ล้านบาท ถึงตอนนี้กระแสก็ยังไม่กระเตื้องสักเท่าไหร่ โดย “คู่กรรม” ทำรายได้จากการเข้าฉายรวม 3 วันไปเพียง 19 ล้านบาทเท่านั้น นอกจากนี้เมื่อได้ตรวจสอบรายละเอียดไปยังโรงฉายและจำนวนรอบที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ปรากฏว่าจำนวนโรงและจำนวนรอบของหนัง “คู่กรรม” ในวันนี้กลับถูกลดจำนวนลงแล้ว ผิดกับทางหนังเรื่อง “พี่มาก พระโขนง” รวมถึงหนังแอ็กชันต่างประเทศอย่าง “G.i. Joe 2” ที่ต่างเข้าฉายสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้วแต่ก็ยังมีการเพิ่มจำนวนโรงและรอบขึ้นมาในช่วงวันหยุด “ผมว่าคงยากแล้วล่ะครับที่คู่กรรมจะถึง 100 ล้าน ถึงตอนนี้เอาแค่ให้คุ้มทุนทำหนัง 70 ล้านที่ยังไม่รวมทุนโปรโมตอีกต่างหากก่อนดีกว่า...” ได้มีนักดูหนังคนหนึ่งแสดงความเห็น พร้อมกับแสดงทัศนะด้วยว่า โดยส่วนตัวแล้วส่วนหนึ่งที่ “คู่กรรม” ทำรายได้ไม่ดีมากนักแม้จะได้ตัวของพระเอกหนุ่ม “ณเดชน์” มารับบทนำก็อาจจะเป็นเพราะว่าตลาดคนละกลุ่มกันนั่นเอง “ปัจจัยหนึ่งผมมองว่า คนที่ชอบณเดชน์นะ ส่วนใหญ่จะเป็นแฟนละครที่ดูณเดชน์ทางทีวีมากกว่า คือคนดูหนังประจำแล้วเป็นแฟนณเดชน์ด้วยรวมถึงคนที่เป็นแฟนณเดชน์ที่ไม่ได้ชอบดูหนังแต่สามารถที่จะซื้อตั๋วเข้ามาดูหนังได้ก็คงจะมีส่วนหนึ่ง แต่อาจจะไม่มากพอ แล้วที่สำคัญก็คือ ราตั๋วหนังที่แพงจนถูกต่อว่า พอรวมเข้าในหลายๆ จุดตรงนี้จบเลย เพราะมันยากที่จะสร้างกระแสปากต่อปาก ต่อให้คนที่เป็นแฟนณเดชน์หลับหูหลับตาเชียร์เท่าไหร่ แต่ถ้าคนดูหนังส่วนใหญ่เขารู้สึกได้เหมือนๆ กันว่ามันไม่ดีเนี่ย ผมว่ายากนะ" ท้ายนี้ ขออวยพรให้พี่มากจงรวยวันรวยคืนเน้อ ดีใจด้วยที่หนังไทยทำรายได้ชนะหนังต่างประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น