ทุกวันนี้ “ศิลปะ” ถูกทำให้เป็นเหมือน “อาชีพเฉพาะทาง” จึงกลายเป็นว่า มนุษย์และศิลปะถูกแยกจากกัน การดำรงชีวิตในทุกวันนี้ล้วนแต่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ แข่งขัน ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล มนุษย์จะเรียกหา “ศิลปะ” ก็ต่อเมื่อมีเวลาว่างและต้องการผ่อนคลายเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วศิลปะ สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกนาทีของชีวิต หากเรารู้จักปลดปล่อยตนเองจากความคิดเดิมๆ แม้เพียงชั่วครู่ เพื่อมองหาความงาม ความสดใหม่ ในสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา ซึ่งแม้บางครั้งจะซ้ำซากจำเจ แต่ก็น่าจะมีบางสิ่งที่เราเคยมองข้ามไป เช่นเดียวกัน ในความสัมพันธ์ระหว่าง “คน” ก็อาจมีความซ้ำซากจำเจเกิดขึ้นได้ ดังนั้น หากต้องการรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวนั้น เราต้องมีศิลปะ เพื่อแสวงหาความสดใหม่ให้กับความสัมพันธ์
ศิลปะที่ว่านั้นก็ไม่ใช่อื่นไกลคือ การฝึกมองสรรพสิ่งด้วยสายตาสดใหม่ โดยมีความละเอียดอ่อน รู้จักสังเกตถ้อยคำ ภาษา น้ำเสียง เพื่อเข้าใจถึงก้นบึ้งของจิตใจผู้อื่น แต่เพื่อจะทำให้ศิลปะมีความสดใหม่ขนานแท้ เราอาจต้องมีการเดินทางไปเปลี่ยนบรรยากาศนอกสถานที่ การอ่านหนังสือเล่มใหม่ๆ การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือกระทั่งการค้นหาเพื่อนใหม่ เพื่อดึงเข้ามาร่วมในเส้นทางความฝัน คนเก่งๆ จำนวนมากในปัจจุบัน เลือกที่จะทำงานในองค์กรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศิลปะและแรงบันดาลใจ สินค้าจำนวนมากไม่ได้มีจุดขายที่ประโยชน์ใช้สอยอีกต่อไป แต่ขายความเบิกบานรื่นรมย์ของชีวิต
ชีวิตในช่วง 20 ต้นๆ ของผมดูเหมือนล้มเหลว ก็เพราะผมหมกมุ่นกับโลกความงามของศิลปะและวรรณกรรมมากเกินไป ผมกบฎต่อระบบระเบียบของสังคม และเลือกที่จะใช้ชีวิตตามความฝันของตัวเอง ความฝันในโลกหนังสือ ความฝันที่สวยงามของมิตรภาพ ความฝันที่จะทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก
แต่กระนั้น “ศิลปะและวรรณกรรม” เหล่านี้นั่นเอง ที่ได้หลอมรวมเป็นตัวผมในวันนี้ ซึ่งสามารถแปรเปลี่ยนศิลปะ วรรณกรรม ประวัติศาสตร์ ปรัชญา ที่เคยขบอ่านเพื่อความสนุกเบิกบานของชีวิต มาแปรเปลี่ยนเป็นสินค้าและบริการได้มากมาย ทั้งบทความในวารสาร รายการวิทยุ รวมถึงหนังสือที่วางขายตามท้องตลาด
นอกจากนี้ ผมยังได้ใช้ศิลปะในการเจรจา ในการเล่าเรื่อง เพื่อติดต่อสัมพันธ์กับคนกลุ่มต่างๆ เพื่อให้มาช่วยผลักดันความฝันของผมให้กลายเป็นความจริง แน่นอนว่า ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ ความรู้ด้านกลยุทธ์ ที่ผมได้ศึกษาเรียนรู้มา ย่อมเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตสินค้าและบริการของผม แต่กระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า “ศิลปะ” เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ “ความฝัน” ของผมเติบโตอย่างรวดเร็วในวันนี้ ก็เพราะศิลปะในการพูดคุยหลอมรวมความคิดจากคนกลุ่มต่างๆ ที่โชคชะตาได้พัดพาให้มารวมกันนั่นเอง ทุกการพูดคุยก็ล้วนแต่เพิ่มพูนพลังความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ การเมือง กลยุทธ์ ประวัติศาสตร์ ธุรกิจ การตลาดของผมเพิ่มให้เพิ่มพูนล้ำลึกยิ่งขึ้น ถึงที่สุดแล้ว ผมจึงพึ่งเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้เองว่า แก่นแท้ของกลยุทธ์ก็คือ การแสวงหาคนที่เหมาะสม ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แตกต่างกันในหลากหลายสาขา มาร่วมมือกันเพื่อผลักดันความฝันของแต่ละคนให้เป็นความจริง
ผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ การตลาด เงินทุน เทคโนโลยี ที่เหมาะสมสามารถเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อองค์กรสามารถดึงดูดคนที่เหมาะสมเข้ามาร่วมงานได้ โดยมีการบริหารความสัมพันธ์อย่างมีศิลปะที่ทั้งเปิดกว้าง ทั้งตื่นเต้น ทั้งเร้าใจ ทั้งเบิกบาน เพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานที่สดใหม่แตกต่างอย่างสม่ำเสมอ
“ศิลปะ” ได้สอนให้ผมดำรงอยู่อย่างไม่หวาดกลัว และพร้อมจะเริ่มต้นเพื่อค้นหาสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะการพาตัวเราเข้าไปรู้จักกับบุคคลที่แตกต่างหลากหลายทั่วทุกมุมโลก เพื่อที่จะได้ชักชวนดึงดูดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการสร้างฝันของผม เพราะมีแต่ทำเช่นนี้เท่านั้น ผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ การตลาด และเทคโนโลยีของผมจึงจะมีความสดใหม่และสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา และที่ผมสามารถเป็นอิสระในการแสวงหาความสัมพันธ์ใหม่ๆได้นั้น ก็เพราะมีคนร่วมทางฝันที่เหมาะสมคอยทำงานในส่วนอื่น จึงทำให้ผมสามารถทำงานที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะเช่นนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ทุกคนในบริษัทของผม ก็ล้วนแต่เร่งฝึกฝนศิลปะในการสร้างความสัมพันธ์กับคนใหม่ๆ ที่นำไปสู่ความคิดใหม่ๆ เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญของสิ่งนี้ในการช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จ
บางทีใครสักคนที่เราพึ่งพบเจอเพียงครั้งเดียว ก็อาจเป็นคนที่จะมาร่วมสร้างทางฝันในอนาคตก็ได้ โดยฝันของเราอาจจะมีส่วนที่เหมือนและแตกต่างกัน แต่กระนั้น ความสัมพันธ์ของคนก็มีได้หลายรูปแบบทั้งเครือข่าย ทีมงาน และผู้สนับสนุน ดังนั้น หากเป็นคนที่เหมาะสมแล้วก็ย่อมจะสามารถก้าวเดินร่วมทางกัน ดังนั้น สิ่งที่ยากที่สุด ก็คือ การตามหาคนที่เหมาะสมนั่นเอง เพราะไม่มีสูตรสำเร็จหรือตำราเล่มไหนที่จะบอกได้ จึงมีแต่จิตใจแห่งศิลปะที่พร้อมจะเปิดกว้าง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และมองหาสิ่งใหม่ๆ เท่านั้น ที่จะช่วยให้เราเลือกที่จะเพิ่มหรือลดความสัมพันธ์ ในท่ามกลางสีสันของผู้คนนับพันล้านคนบนโลกใบนี้
โลกความจริงโหดร้ายและเต็มไปด้วยการแข่งขัน ไม่มีน้ำใจและความปราณี ผู้ชนะเป็นเจ้า ผู้แพ้คือโจร คนมีความสามารถใช่ว่าจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง คนชั่วช้าอาจได้เสวยสุข ทางเดียวที่จะดำรงอยู่อย่างมีความสุขในโลกใบนี้ได้ก็คือ การรู้จักแสวงหาคนที่เหมาะสมเพื่อร่วมกันสร้างความฝันให้เป็นความจริง เพราะมีแต่ทำเช่นนี้เท่านั้น จึงจะสามารถระดมทรัพยากรทั้งความรู้ ความสามารถ เงินทอง และกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและสร้างสรรค์เพียงพอ ที่จะปกป้องความฝันของเราจากภัยคุกคามของโลกการแข่งขันที่โหดร้ายได้ บางที หากทีมงานความฝันของเราเติบใหญ่เพียงพอ ก็อาจสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทย หรือแม้กระทั่งโลกใบนี้ ให้กลายเป็นสถานที่ที่ดีกว่าเดิมได้นะ



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น