วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

พลังแห่งความเชื่อ 1

พลังบนโลกนี้มีหลากหลายแบบ และนี่เป็นอีกหนึ่งพลังที่เป็นเรื่องจริงจนต้องขอยอมรับ สมมุติผมมีความเชื่อว่า " ไม่มีไฟ ย่อมไม่มีควัน " แล้วพูดออกไปให้คนอื่นฟังโดยมาจากความเชื่อ! ทั้งๆ ที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ เพราะมันมาจากหลักการแห่งความเชื่อ พวกคุณจะเชื่อเลยไหม? หากวันนี้เราจะเชื่อใครสักคน หรือจะทำให้ใครเชื่อเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ก็ตาม ต้องบอกได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ทั้งนี้เพราะการสร้างความเชื่อ ความศรัทธา ให้คนเชื่อถือนั้น มีองค์ประกอบต่างๆ มากมาย เนื่องจากในปัจจุบัน มีการหลอกลวงกันค่อนข้างมาก ทำให้ความเชื่อถือนั้นอยู่ได้ไม่นาน เพราะขาดหลักการบางข้อที่ทำให้ความเชื่อนั้นเสื่อมคลาย  ดังนั้น หากเราจะทำให้ใครเชื่อ หรือเราจะเชื่อใครสักคน เราลองพิจารณาหลักการแห่งความเชื่อดังต่อไปนี้ จะทำให้เรามีความรู้ในการสร้างความเชื่อและมีเกราะป้องกันถ้าเราจะเชื่อใครสักคน

ผมขอให้ข้อมูลและขยายคำว่า “ความเชื่อ ในภาษาอังกฤษนั้นเพิ่มขึ้น ภาษาอังกฤษตรงกับคำว่า Belief (n) แปลว่า ความเชื่อ, ความเชื่อถือ, ศรัทธา ซึ่งเป็นคำนาม และ Believe (vt) แปลว่า เชื่อ, มั่นใจใน, ศรัทธา, เชื่อว่า ซึ่งเป็นคำกริยา ในหลักการนี้เราใช้คำว่า BELIEF (n) ที่เป็นคำนาม เราลองมาดูว่า หลักการใช้ BELIEF (n) เป็นอย่างไร? สามารถสร้างความเชื่อให้ใครเชื่อถือเรา หรือเราเชื่อถือใครได้มากน้อยแค่ไหน?

BELIEF : ความเชื่อมั่น
หลักการข้อที่ 1 คือ B = Better คือ ดีขึ้นกว่าเดิม หลักการข้อนี้ทำในสิ่งที่ ดีขึ้นกว่าเดิม หากเราทำอะไร? ให้ดีขึ้นกว่าเดิมในรื่องนั้นๆ ก็จะมีคนเชื่อถือเรา หรือ ถ้าเราพูดในสิ่งที่ผู้ฟังคิดว่า ดีขึ้นกว่าเดิม เขาก็จะเชื่อเรา ทุกวันนี้เราอยู่กับความเชื่อ เราเชื่อใครก็เพราะต้องการมีชีวิตที่ ดีขึ้นกว่าเดิม เรานับถืออะไร?ก็เพราะคิดว่าสิ่งนั้น ต้องช่วยทำให้ชีวิตเรา ดีขึ้นกว่าเดิม คนไข้ไปหาหมอก็เพราะเชื่อว่าหมอจะทำให้คนไข้หายป่วย นั้นก็หมายความว่า คนไข้ ดีขึ้นกว่าเดิมคือ หายป่วย เวลาคนเราตัดสินใจซื้อของสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ต้องคิดว่าสิ่งนั้นต้องทำให้ ชีวิตเขา ดีขึ้นกว่าเดิม หรือแม้แต่โฆษณาก็ยังบอกว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นดีอย่างไร? นั่นก็หมายความว่าถ้าผู้ซื้อเชื่อ ซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นมาใช้แล้วต้องดีขึ้นกว่าเดิม หลักการข้อนี้เราสามรถนำไปใช้ได้ทันทีที่ต้องการให้ใครเชื่อถือเรา หรือเราจะเชื่อถือใคร นั่นคือ B = Better ทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม อย่างลืมติดตามหลักการในข้อต่อๆ ไป เพราะจะทำให้ท่านเป็นคนใหม่ที่มีคนเชื่อถือ มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม

E = Example คือ มีตัวอย่าง , เป็นแบบอย่างให้เห็น
การสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับตัวเราไม่ว่าเราจะทำให้ใครเชื่อถือเราเรื่องอะไร? หรือเราจะเชื่อถือใครก็ตาม การมีตัวอย่างเปรียบเทียบที่ชี้ให้เห็นว่าดีขึ้นอย่างไร? เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้อย่างมากมาย การโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือสินค้าหลากหลายชนิดส่วนใหญ่ก็จะมีตัวอย่างประกอบ เปรียบเทียบให้เห็นเด่นชัดว่าหลังจากใช้แล้วเป็นอย่างไร? ดีกว่าก่อนใช้อย่างไร? ตัวอย่างประกอบเป็นเสมือนหนึ่งการชี้นำความคิดให้เชื่อว่าถ้าเชื่อและทำตามสิ่งนั้นแล้วจะเป็นไปตามตัวอย่างที่แสดงให้เห็น
การพูดเพียงอย่างเดียวแม้จะพูดให้ดีขึ้นอย่างไร? แต่ถ้าไม่มีตัวอย่างประกอบหรือเป็นแบบอย่างให้เห็น โอกาสที่จะสร้างความเชื่อถือนั้นก็อาจจะทำได้ยาก การมีตัวอย่างประกอบจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งทำให้มีคนเชื่อถือได้มากกว่า เพราะการมีตัวอย่าง บ่งบอกถึงความจริงในการนำเสนอ การสอน หรือการพูดโน้มน้าวจิตใจผู้ฟังให้เชื่อและทำตาม โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ ผู้พูดต้องพูดให้ผู้ฟังคิดตามโดยใช้หลักการของเหตุผลความเป็นจริง ยกตัวอย่างประกอบ ให้เห็นภาพชัดเจน บางครั้งอาจต้องเล่านิทานประกอบเรื่องที่นำเสนอ ทั้งนี้เพื่อให้คิดตามและเชื่อ เพื่อนำข้อคิดไปปฏิบัติ อย่างไร? ก็ดี การสร้างความเชื่อมั่นในหลักการข้อที่ 2 ก็คือ ต้องมี ตัวอย่าง E = Example
การสร้างความเชื่อยังมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากมาย เพียงหลักการ 2 ข้อ ยังไม่อาจทำให้สร้างความน่าเชื่อถือได้มากนัก โอกาสหน้ามาพบกับหลักการข้อ 3 ของการสร้างความเชื่อว่าทำอย่างไร?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น