วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

เพลงไทยขายดี



เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปหมดไม่ว่าจะเป็นการเสพ ฟังเพลง จากเมื่อก่อนฟังเทป มาเป็นซีดี วีซีดี ดีวีดี ขายกัน มาสุดท้ายก็เป็น เอ็มพี 3 ที่สามารถบันทึกทีหนึ่ง 50 - 100 เพลงขาย มากไปกว่านั้นให้ดาวน์โหลดเอาเองทางอินเตอร์เน็ต เห็นไหมครับว่ามันถูกเปลี่ยนแหล่งในการเก็บเพื่อให้เสพเพลง ฟังเพลงไปเรื่อยๆ ทำให้ง่ายต่อการอยากฟังโดยไม่ต้องออกมาหาซื้อที่ร้านขายซีดี วีซีดี ดีวีดีเพลงอีกต่อไป ในอดีตทุกคนต้องออกมาซ์้อกันตามร้านขายเทปเพลง มีการให้ศิลปินออกมาแจกลายเซ็นแจกโปรสเตอร์ตามร้านขายเพลง มีการจัดรายการพิเศษมีทแอนด์กรี๊ดตามร้านอาหาร แต่เดี๋ยวนี้ตลาดเพลงทุกอย่างถูกเตรียมอัดเอ็มพี 3 รอให้ง่ายต่อการซื้อตามข้างถนน ตามร้านขายเพลงเทปผีซีดีเถื่อนเป็นของก๊อปปี้ในราคาถูกๆ แค่ 30-50 บาท รวบรวมเพลงใหม่ๆ ฮิตๆ แบบโดนๆ ราคาแพงหน่อยก็ไม่เกิน 100 บาทต่อแแผ่น อัดเพลงเต็ม 150-200 เพลงก็มี นี่คือยุคสมัยที่เปลี่ยนไปในการเสพ ฟังเพลงของคนยุคนี้ ทำให้ค่ายเพลงดังๆ ต้องหันมามอง พร้อมปรับแนวทางการตลาดต่อสู้แข่งขันเอาลูกค้าคืนกลับมา ด้วยการทำเพลงใหม่ เตรียมรอให้โหลดได้ไว้ และเอาเพลงเก่ามารวมเป็นเอ็มพี 3 ทำปกขายให้ชัดเจน ราคาไม่เกิน 100 บาท เพื่อจะได้มีส่วนดึงเอายอดขายในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น มีการรวมเพลงเก่ามาขายใหม่ได้มากถึง 50 เพลงต่อแผ่น ส่วนในเรื่องยอดขายแผ่นจริงเดี๋ยวนี้ไม่สูงมาก นอกจากเบอร์แรงๆ ก็พอมีหวังบ้าง แต่บางค่ายที่เป็นค่ายเพลงเล็กๆ ไม่มีทางขายได้เฉียดหลักล้านเหมือนในอดีต
หากย้อนเวลากลับไปสมัยก่อนไม่นานมานี้ เรามักจะคุ้นหูกับคำว่า ล้านตลับแล้ว ทางค่ายเพลงก็ออกเทปฉลอง 1 ล้านตลับด้วยการเปลี่ยนปกใหม่และเพิ่มเพลงใหม่เข้าไปอีก 1 เพลงเป็นโบนัสพิเศษให้ผู้ฟัง ในตอนนั้นพอจะจำได้ว่ามีไม่กี่เบอร์ หรือกี่ศิลปินที่มีความสามารถทำได้ ผมขอยกตัวอย่างสัก 3 ค่ายเพลงแล้วกันเท่าที่จำได้ ลองให้เดาดูก่อนนะว่ามีของเจ้าไหนบ้างที่ขายได้ล้าน...ถ้ายังนึกไม่ออกว่ามีศิลปินเบอร์ไหนบ้าง ที่เคยทำยอดขายถล่มทลายทะลุล้านตลับมาแล้ว มาไล่ดูกันเป็นน้ำจิ้ม เริ่มที่ศิลปินเจ้านี้ที่ทุกวันนี้ยังมีออกอยู่และยังแร๊งแรง.. เบิร์ด - ธงไชย แมคอินไตย์ ซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของไทย มีผลงานกับค่าย แกรมมี่ มานับไม่ถ้วน ทุกอัลบั้มล้วนมียอดขายถล่มทลาย โดยเฉพาะอัลบั้ม บูมเมอแรง เมื่อปี 2533 ที่ได้สร้างยอดจำหน่ายเทปสูงสุดถึง 2 ล้านตลับ ถือเป็นสถิติสูงสุดของนักร้องชายเดี่ยวของไทยที่วันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถลบสถิตินี้ได้ นอกจากนี้ในอัลบั้ม ชุดรับแขก เมื่อรวมยอดเทป ซีดี คาราโอเกะแล้ว เบิร์ด ยังสามารถทำยอดทะลุไปถึง 5 ล้านก๊อบปี้อีกต่างหาก ว้าว...อิจฉาละซี้
คนต่อมา ก็ สาวน้อยมหัศจรรย์ ทาทา - อมิตา มารี ยัง ที่ทำให้วงการเพลงคึกคักด้วยการสร้างยอดขายทะลุล้านตลับ ตั้งแต่อัลบั้มแรก อมิตา ทาทา ยัง ในปี 2538 ทำให้มีอัลบั้มพิเศษตามมาอีกมากมาย จนมาถึงอัลบั้มที่ 2 อะเมซิ่ง ทาทา ในปี 2540 เธอก็ยังคงครองแชมป์ทำยอดทะลุล้านตลับให้แก่ค่ายแกรมมี่อีกครั้ง
มาถึงนักร้องสุดเซ็กซี่ ติ๊นา - คริสติน่า อากีล่าร์ จำได้ไหมว่าเธอคนนี้สร้างสถิติเป็นนักร้องหญิงคนแรกที่สามารถสร้างยอดขายเกินล้านตลับได้ถึง 3 อัลบั้มที่ทำออกมา ไม่ว่าจะเป็น อัลบั้มแรกในปี 2533 นินจา คริสติน่า อัลบั้มชุดที่ 3 ในปี 2537 เรด บีท รหัสร้อน และ อัลบั้มชุดที่ 4 โกลเด้น อาย
นอกจากนี้ แกรมมี่ ยังโกยตังค์หลักล้านอีกครา กับ โบ - สุนิตา ลีติกุล สาวแก้มป่องเสียงดีที่แค่อัลบั้มแรกก็มียอดขายพุ่งพราก
ค่ายต่อมา อาร์เอส ก็ไม่น้อยหน้า มีหลายอัลบั้มที่ทำรายได้พุ่ง แม้ยุคหลังๆ ก็ยังมีให้เห็น ไม่ว่าจะเป็น อัลบั้มของกลุ่มบอยแบนด์หนุ่มน้อย ดีทูบี ที่สามารถสร้างยอดขายได้เกินล้านตลับ ตั้งแต่อัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อเดียวกับชื่อวงคือ ดีทูบี ในปี 2544 จนทำให้ต้นสังกัดถึงกับเปิดคอนเสิร์ตใหญ่ให้ แถมยังทำเพลงพิเศษเพลงใหม่ขึ้นมาเพื่อขอบคุณแฟนเพลงอีกด้วยรายนี้ก็มากอบกู้อาร์เอส สำหรับ ปาน - ธนพร แวกประยูร นอกจากจะได้รางวัลเป็นกอบเป็นกำการันตีคุณภาพ ในอัลบั้มที่ 2 หวานผ่าซาก ปี 2544 เธอก็สามารถดังกระฉูด อัลบั้มทำเงินทะลุล้านตลับไปอีกคน
ไอน้ำ วงป๊อปร็อกบ้านๆ วงนี้ ก็เข้าหลังคาเรือนได้ทุกบ้านจริงๆ เพราะนอกจากในอัลบั้มที่ 2 รักคนมีเจ้าของ ปี 2547 ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง เพลงดังจนเป็นคำฮิตติดปาก ท่าเต้นถูกใจคนฟังแล้ว ยังสร้างรายได้ทะลุล้านตลับไปแบบสบายๆ
ไม่เพียงแค่อัลบั้มจากสังกัดใหญ่ เมื่อปี 2540 โจอี้ บอย ก็เคยสร้างความฮือฮาให้ค่ายเบเกอรี่สมัยนั้นมาแล้ว ด้วยยอดขายทะลุล้านตลับ จากอัลบั้ม ฟัน ฟัน ฟัน หลังจากก่อตั้งค่ายมาได้ 3 ปีระฉูด จนต้องทำอัลบั้มฉลองล้านตลับออกมา
หากเราลองนับยอดการใช้เพลงทั้งจากของจริงและของปลอม ณ วันนี้ ผมว่าสูงกว่ายอดล้านตลับในอดีตอีกนะ แต่ไม่ถูกบอกออกมาชัดเจน เรื่องของจำนวนศิลปินก็ถือว่ามีส่วน เมื่อก่อนศิลปินน้อย ผู้บริโภคก็มีตัวเลือกน้อยกว่า ทุกวันนี้มีศิลปินออกมาแต่ละเดือนจำนวนมากมาย ทำให้ตัวเลือกเยอะ อย่างบริษัทผู้ผลิตพอยอดขายตก ก็พยายามทำงานออกมาเยอะขึ้น เพื่อให้รายได้ไปชดเชยกัน ศิลปินแต่ละเบอร์ก็จะเป็นประเภทมาเร็วไปเร็ว ความนิยมน้อย ว่าแต่โอกาสที่วงการเพลงจะกลับไปรุ่งเรืองเหมือนในอดีตนั้นเป็นไปได้แน่นอน ทั้งนี้วงการเพลงจะต้องกลับไปยุคล่มสลายกันทั้งระบบก่อน จนไม่มีใครอยากจะมาเป็นศิลปิน ทำให้เหลือแต่คนที่ใจรัก และตัวจริงเท่านั้น เมื่อศิลปินน้อยลง งานน้อยลง คุณภาพ ความต้องการของคนฟังก็จะกลับมา ซึ่งขณะนี้ต่างประเทศเริ่มกลับมาเป็นเช่นนี้แล้ว วันนี้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา ทำให้รูปแบบการฟังเพลงของคนเปลี่ยนไป ช่องทางการจำหน่าย ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน มีค่ายแนวใหม่ที่ขายผ่านการดาวน์โหลดอย่างเดียวเกิดขึ้น เพียงแต่ตอนนี้เหมือนช่วงรอยต่อ แต่ทุกอย่างยังขลุกขลักอยู่ ผมเชื่อว่าอีก 1-2 ปีข้างหน้าเมื่อทุกอย่างลงตัว ศิลปินก็จะกลับมาได้เงินเป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง ซึ่งทุกอย่างยังต้องรอเวลาเพื่อพิสูจน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น