
การทำงานของแต่ละคนจะสำเร็จได้ สิ่งที่จำเป็นมากและถือเป็นปัจจัยสำคัญ ก็คือ คนทำงาน บางคนมีความสามารถมากก็เก่งคนเดียว เหนื่อยคนเดียว ผลงานที่ออกมาก็เป็นงานที่เล็กๆ ไม่ใหญ่ ส่วนกลุ่มคนบางกลุ่มจะเก่งหลายคน ผลงานที่ออกมาก็จะใหญ่กว่า ผมเคยเป็นทั้งสองแบบมาก่อน ไม่ว่าจะ “เก่งคนเดียว” หรือ “เก่งหลายคน” มันขึ้นอยู่กับงานที่รับผิดชอบมากกว่า ค่านิยมเก่าๆที่ผู้บริหารหลายคนในปัจจุบันก็ยังมีความคิดแบบนี้อยู่ก็คือการเป็นผู้นำหรือผู้บริหารทีมที่เก่งจะต้องเก่งไปทุกเรื่องและเก่งกว่าทุกคน ซึ่งมันอาจเหมาะสมมากครับกับสถานการณ์ในอดีตที่ทีมงานจะคิดไม่เป็น หรือรอทำตามสั่ง และการแข่งขันไม่มีอะไรที่ดุเดือด ภาระและงานของผู้นำมีไม่มาก (ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีแล้วในปัจจุบัน และไม่มีวันจะมีอีกในอนาคต!)แต่ทีมงานในปัจจุบัน โดยเฉพาะทีมงานรุ่นใหม่ๆ หรือยังไม่เก่ามากนัก ต่างก็มีความคิด ความสามารถ แต่แทบไม่มีโอกาสให้ใช้ ต้องทนทำงาน ตามที่ "ท่านผู้นำคิดและสั่งแบบเบ็ดเสร็จ" ส่วนผู้นำก็ขยันคิดไปได้เรื่อยๆ เข้าท่าบ้าง ไม่ได้เรื่องบ้าง แต่ก็ยังขยันคิด ขยันสั่ง....เพราะคิดว่าเก่งอยู่คนเดียว ก็เลยเหนื่อยอยู่คนเดียว ผลงานโดยรวมของทีมก็เลยไม่ค่อยมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ไม่ต้องแปลกใจที่ทุกวันนี้เราจะพบ “ผู้นำกับทีมงาน” หลายๆ ประเภทแบบนี้ครับ....
1.ผู้นำที่เป็นคนที่เก่งจริง...แต่ทีมงานไม่เก่ง ผู้นำประเภทนี้ เก่งอยู่คนเดียว แต่ “ไม่รู้วิธีสร้างทีมงานให้เก่ง” หรือไม่ก็ “ไม่ต้องการสร้างทีมงานให้เก่ง” เพราะคิดว่าตัวเองเก่งคนเดียวก็เกินพอแล้ว ทีมงานเก่งมากเดี๋ยวจะบดบังรัศมีความเก่งของท่านผู้นำ เก่งแบบนี้เหมาะที่จะอยู่ในโลกยุคเก่า เก่งอยู่คนเดียว...ผมเรียกว่า เก่งไม่จริง!
2.ผู้นำที่ตัวเองก็ไม่เก่ง...และทีมงานก็ไม่เก่ง! ทั้งผู้นำและทีมงานประเภทนี้จัดอยู่ในกลุ่มที่โชคร้ายมาก (คงทำกรรมเก่าร่วมกันมาหลายชาติเลยต้องมารับกรรมร่วมกันในชาตินี้) ไม่ต้องพูดอะไรมากกับผู้นำประเภทนี้ เพราะลำพังตัวเองยังเอาตัวแทบไม่รอด ไม่ต้องไปหวังพึ่งทีมงาน ผู้นำประเภทนี้ก็เลยต้องพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก สถานการณ์วิกฤติแทบตลอดเวลา....พูดได้ว่า เจอวิกฤติจนเป็นเรื่องปรกติของการบริหารงาน!
3.ผู้นำที่ตัวเองไม่เก่ง...แต่โชคดีที่มีทีมงานเก่งๆ ผู้นำประเภทนี้ ยังถือว่าโชคดี (สะสมบุญเก่าไว้เยอะ) ตัวเองไม่ค่อยมีความสามารถเท่าไหร่ แต่ได้อาศัยทีมงานประคับประคองสถานการณ์ทำให้หน่วยงาน หรือ องค์กรพอจะเอาตัวรอดไปได้.....แต่ถ้าวันใด ทีมงานที่เก่งๆ ไม่อยู่หรือลาออกไป.....ผู้นำประเภทนี้จะรอดในวันข้างหน้าได้ก็ต้องรอให้มีทีมงานเก่งๆ ชุดใหม่เข้ามา.....ถ้าไม่มีคนเก่งๆ มาช่วย ผู้นำประเภทนี้ ก็จะนำหน่วยงานหรือองค์กรตกเวทีไปเอง!
4.ผู้นำที่ตัวเองก็เก่ง...และทีมงานก็เก่ง ! ผู้นำประเภทนี้ ถ้าเป็นคนเก่ง แต่โชคดีได้ทีมงานเก่งๆ มาช่วย ผมก็ถือว่าไม่เท่าไหร่! แต่ถ้าตัวผู้นำก็เก่ง และมีความสามารถสร้างทีมงานให้เก่ง รู้จักจุดแข็ง จุดอ่อนของทีมงานแต่ละคน รู้จักวิธีการบริหาร โดยเฉพาะ การ Coaching ทีมงานเก่งๆ ให้เปล่งศักยภาพมากขึ้น รู้จักวิธีดึงศักยภาพทีมงานธรรมดาๆ ให้เป็นทีมงานที่เก่งขึ้นมาได้ รู้จักวิธีกระตุ้น สร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมงานที่ท้อถอย กลับขึ้นมาคึกคักได้ ที่สำคัญไปกว่านั้น รู้ว่า ใครบ้างที่เหมาะสมที่จะสร้างให้เป็นมือรองในแต่ละด้านได้.....ผู้นำประเภทนี้สิครับ ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้นำที่เก่งจริง !
ปัญหามีอยู่ว่า.....บ่อยครั้ง ที่ผู้นำส่วนมาก ก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีความสามารถมากเพียงใด (ส่วนมากมักจะคิดว่าตัวเองเก่ง แต่จริงๆ ก็คือไม่ได้เก่งจริงอย่างที่คิด!) และยังไม่รู้ว่าทีมงานของตนเอง มีศักยภาพมากเพียงใด บริหารงาน บริหารทีมไปตามชะตากรรม ที่สถานการณ์และคู่แข่งเป็นฝ่ายกำหนด อันตรายมากครับ! ยังไม่สายเกินไปที่จะลองนั่งวิเคราะห์ทั้งความสามารถของตนเองและศักยภาพของทีมงาน เพื่อให้รู้ว่าปัจจุบันเราอยู่ในระดับใด ที่เหลือก็มุ่งมั่นพัฒนา “ทั้งตนเองและทีมงาน” อาจต้องใช้เวลาสักนิด แต่ชีวิตการทำงานที่เหลือจะนำทีมไปสู่ความสำเร็จได้ไม่ยากครับ !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น