วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ความก้าวหน้า สร้างได้ไม่ยาก 2


ในตอนที่ 1 ผมกล่าวถึงและเชิญชวนให้คุณผู้อ่านทั้งหลาย ตระหนักว่า ความก้าวหน้าในการทำงาน และสายอาชีพของคุณนั้น แท้จริงเป็นเรื่องที่คุณทั้งหลายต้องสร้างและวางแผนเริ่มจากตัวเอง โดยริเริ่มแสวงหาข้อมูลความเห็นในการทำงานจากหัวหน้างาน จากเพื่อนร่วมงานที่คุณต้องทำงานใกล้ชิดหรือเกี่ยวเนื่องกับเขา ทั้งในและนอกหน่วยงาน เพื่อให้ทราบว่า ตัวเองมีทักษะ ความสามารถ จุดเด่น จุดด้อย ในเรื่องใด ทั้งเรื่องงาน และพฤติกรรมการทำงาน เพื่อที่จะใช้เป็นข้อมูลประเมินประเด็นการพัฒนาตนเอง ทั้งในงาน และที่เชื่อมโยงมาจากชีวิตประจำวัน นำไปสู่การสร้างคุณค่าให้กับตนเองจากการมุ่งปรับปรุงผลงานที่ดีให้เกิดขึ้นต่อไป คราวนี้ ผมจะขอแชร์ข้อมูลจากมุมมองของผู้รู้ที่ได้ให้คำแนะนำไว้ว่าจะทำอย่างไรกันดี จากงานเรื่อง “Career Management:Life & Work” ของประเทศอังกฤษโน่น บอกไว้ว่า การจัดการความก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพการทำงานนั้น ฟังไปอาจจะดูยากสักหน่อยแต่ก็ไม่ถึงกับต้องเคร่งเครียดอะไรครับ หากแต่เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่หากคุณได้ทราบแนวทางปฏิบัติ และทำมันบ่อยๆ คู่ขนานกับการทบทวนเป้าหมายส่วนตัวของคุณเป็นระยะ จะช่วยให้คุณเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นผล ดังนี้
* ดูสิว่า “อะไรเหมาะกับคุณ...”
ลองไตร่ตรอง ใคร่ครวญสิครับว่า เพราะกระบวนการจัดการความก้าวหน้าในสายอาชีพนั้น ช่วยให้เราเดินหน้าในอาชีพการงานไปได้ราบรื่นขึ้น แต่ก็มิได้มีนิยามของความสำเร็จที่เป็นสากลหรอก หากแต่ความสำเร็จจะเป็นอย่างไร คุณก็ต้องกำหนดเอง เพราะความสำเร็จมิอาจวัดได้เป็นตัวเลข หรือจำนวนเงินไปเสียทุกเรื่อง และชีวิตเองก็ไม่ได้มีเรื่องงานเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างความสมดุลกับชีวิตส่วนตัวในระดับที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน คุณเองจะต้องเริ่มต้นเรียนรู้ที่จะสร้างสมดุลของงานและชีวิตส่วนตัวที่เหมาะสมกับตัวเอง พอไหวนะครับ......
* ตั้งเป้าหมายชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้ชัด
คุณคงต้องรู้ว่า ตัวเองต้องการอะไร มีเป้าหมายของการงานและชีวิตแบบไหน จากนั้น ลองทบทวนเป้าหมายของคุณเป็นระยะ ในเรื่องเหล่านี้
(1)อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริง
(2)คุณแน่วแน่กับสิ่งนั้นเพียงใด
(3)เป้าหมายของคุณมีลำดับความสำคัญหรือยัง ที่ต้องจัดลำดับเพราะแท้จริงแล้ว คุณเองมีทรัพยากรทั้งเงิน เวลา และความพยายามที่จำกัด (ทำเรื่องนึงเหนื่อยหนักแล้ว จะทำหลายเรื่องพร้อมกัน เหนื่อยหนักหลายเท่า คุณไหวหรือเปล่า ?) เช่น คุณตระหนักว่า จะต้องพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในการทำงานให้ดีขึ้น ก็ต้องแลกด้วยเงินทองที่จะไปอบรม ซึ่งอาจจะต้องเดินทางไกล หรือใช้เวลาในวันหยุดไปเรียน ใช้เงินจำนวนหนึ่งที่อาจจะไม่น้อยทีเดียว หรือคุณจะใช้ทั้งเวลาและทรัพยากรอื่นนั้น กับการเรียนต่อปริญญาโท เพื่อเป็นพื้นฐานการศึกษาสำหรับการเติบโตเป็นหัวหน้างานระดับจัดการ
(4)ตั้งเป้าหมายและความหวังให้สูงไว้ แต่เตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ด้วยเช่นกัน
* ฝึกฝนให้ได้มา และรักษาทักษะการทำงานที่จำเป็นไว้ให้มั่น
เป็นธรรมดาครับว่า แม้เราอาจจะเชี่ยวชาญในงานเรื่องหนึ่ง หรือหลายเรื่องแล้ว ก็ไม่อาจการันตีได้ว่า ความเชี่ยวชาญหรือชำนาญในงานนั้น เพียงพอสำหรับงานที่จะปรับปรุงในอนาคต ด้วยเพราะพจนานุกรมความเป็นมาตรฐานนั้นไม่เคยหนุดยิ่ง มีแต่จะต้องดีขึ้น และดีขึ้นเรื่อย ๆ ในความเป็นจริง เราก็มักจะมีช่องว่างของทักษะและความสามารถบางด้านอยู่นั่นเองครับ จึงจำเป็นที่จะต้องหมั่นประเมินทักษะความสามารถ และเร่งพัฒนาให้อยู่ในระดับที่ดีขึ้น รวมทั้งประเมินและคาดการณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะทำให้เราต้องเรียนรู้ หรือปรับตัวเพิ่มเติม เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นครับ
* มุ่งทำงานให้ดีขึ้น
งานทั้งหลาย ไม่ว่าจะในตำแหน่งเล็ก ตำแหน่งใหญ่อย่างไร หากแต่เรามุ่งมั่นตั้งใจทำงานให้ดีแล้ว ก็ล้วนเป็นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับความก้าวหน้าในอาชีพการงานเสมอล่ะครับ หากแต่การทำงาน ทำงานและก็ทำงานด้านเดียว โดยไม่มองหาโอกาสในการปรับปรุงการทำงานของตัวเอง เรียนรู้เพื่อพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพและได้ผลงานมากขึ้น ก็ย่อมยากที่จะเติบโตได้เหมือนกันครับ นอกจากนี้ เราเองก็จำเป็นต้องแสดงให้ชาวบ้าน เพื่อนร่วมงาน และหัวหน้างานเห็นว่า เราเป็นคนมีฝีมือ มีไฟในการทำงาน ดดยไม่รอให้ใครมาเห็น (ซึ่งยากครับ เพราะจริตมนุษย์ จะไม่ค่อยสนในจเรื่องดีดีของกันและกันสักเท่าไร ลองจินตนาการดูสิว่า ในวารสาร Gossip ดาราทั้งหลาย ข่าวที่ดีหรือข่าวที่ลบของดาราที่ได้ลงหน้าหนึ่งอยู่บ่อย ๆ )เพียงแต่การนำเสนอผลงาน ความสามารถของตัวเอง ต้องระมัดระวัง โดยทำแบบเนียน ๆ อย่าให้เหมือนการโอ้อวด และไม่เป็นเรื่องที่เกินจริงครับ ตรงนี้ ศาสตร์ด้านการ Branding พอที่จะช่วยได้เหมือนกันนะ......
* ใช้ทรัพยากรให้เหมาะสม
ผมได้เคยเกริ่นไปแล้วในตอนก่อนหน้าว่า องค์กรทั้งหลาย ไม่หยุดนิ่งหรอกครับ ต่างก็พยายามสร้างสรรค์ คิดค้น ค้นหาเครื่องมือการจัดการ การบริหารคนใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อให้คนสามารถพัฒนางาน และทำงานให้เกิดผลตามเป้าหมายอยู่เสมอ เช่น ระบบการฝึกอบรมและการพัฒนาบุคลากร การปรับปรุงกระบวนการทำงาน (Business Improvement) คงต้องลองดูว่า จะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรดังกล่าวที่องค์กรจัดเตรียมไว้ให้อย่างไร เช่น องค์กรทั้งหลายมักจะมีสื่อ DVD ที่เป็น Self-Learning ไว้สำหรับเรียนด้วยตนเอง คุณลองไปสอบถาม HR ดูสิครับว่า เขามีหรือเปล่า หากมี ลองยืมมาเรียนรู้ด้วยตนเอง จะพบว่า ได้อะไรมากมาย....

* บันทึกสิ่งสำคัญไว้เสมอ
แนะนำให้คุณ จดบันทึกเรื่องราวทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับงานที่ผ่านเข้ามาในชีวิตการทำงานของคุณไว้บ้าง เช่น เบอร์โทรของหน่วยงานฝึกอบรม หรือตำแหน่งงานอาทิ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ทางบัญชีและการเงิน ที่บริษัทชั้นนำกำลังสรรหา (งานด้านบัญชีและการเงิน) ในขณะที่บริษัทของเรา ยังเป็นตำแหน่งธรรมดา ๆ แล้วคิดต่อว่า ทำไมเค้าถึงวางตำแหน่งไว้แบบนั้น สิ่งเหล่านี้ อาจจะกลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับอนาคต ผมเอง ทำงานด้าน Recruit ก่อนที่จะ post รับสมัครตำแหน่งงานใด ก็มักจะเปิดดูในเว็บว่า ตำแหน่งนี้ ในตลาดแรงงาน หรือบริษัทคู่แข่ง หรือที่อยู่ในกลุ่ม FMCG เหมือนกัน ระบุคุณสมบัติตามตำแหน่งงานนั้นไว้อย่างไร และก็คิดต่อว่า ทำถึงระบุไว้เช่นนั้น แล้วมาเปรียบเทียบกับ JD ที่ใช้ประกอบการสรรหาที่ถือไว้ พร้อมกับหารือต้นสังกัดที่ขออัตราเพื่อรายงานและปรึกษา ผมเอง ยังตัดประกาศรับสมัครงานที่โดดเด่นไว้หลากหลายมาก โดยเฉพาะประกาศที่เป็นภาษาอังกฤษ โดยคิดว่า ต่อไปประกาศรับสมัครงานของบริษัทที่ส่วนมากแล้วเป็นภาษาไทย จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นสองภาษาเสียเลย ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยถือว่า ไม่ทำงานแค่ตามคำสั่งแต่อย่างเดียว...
* สร้างความสัมพันธ์แนบแน่น (ทั้งมิตรและไม่อยากเป็นมิตร)
ในความเป็นจริงนั้น คนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความก้าวหน้าในอาชีพการงานของคุณมีทั้งคนหรือกลุ่มที่สามารถให้ความช่วยเหลือ และกลุ่มที่เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของเรา เช่น เพื่อนที่เป็นคู่แข่ง ชิงตำแหน่งงานที่จะปรับเลื่อนระดับงาน ที่สำคัญนั้นก็คือ หัวหน้างานของเราเองครับ คุณคงต้องพยายามสานสร้างสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นรอบตัวของคน รอบตัวในที่นี้หมายถึง เพื่อนร่วมงาน น้อง ๆ ที่ทำงานในหน่วยงาน หัวหน้างานในหน่วยงาน ผู้คนที่คุณประสานงานประจำนอกหน่วยงาน ที่สำคัญนั้นก็คือ หัวหน้างานโดยตรงของคุณ อย่าลืมเด็ดขาด ที่ผมอยากเพิ่มเติมคือ ในการสานสร้างสัมพันธ์ที่ดี หรือเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า การสร้างเครือข่าย (network) นั้น คุณต้องอาศัยความสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นพื้นฐาน ไม่ยกตนข่มท่าน เปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็น เพื่อที่จะเอามาปรับปรุงตนเอง พร้อมกับระแวดระวัง คนที่อาจจะมีผลหรือสร้างอะไรในทางลบกับตัวคุณเอง
* จัดการกับการเมืองในองค์กร
องค์กรทุกแห่งล่ะครับ เป็นที่รวมของคนหลากพ่อพันแม่ หลากหลายความคิด มุมมอง ทัศนคติ ซึ่งต่างก็มีทั้งแรงจูงใจทางบวกและแรงจูงใจทางลบแตกต่างกันไป แต่ที่แน่ก็คือ ไม่มีองค์กรใดที่ปราศจากการเมืองในองค์กรไปได้เลย ไม่มีองค์กรใดที่มีความเป็นธรรมในทุกเรื่อง หรือมีมาตรฐานเหมือนกัน เพราะความสำคัญของคนที่มีต่อองค์กรคุณก็จะเห็นได้ว่า ไม่เท่ากัน จริงมั้ยครับ และเพื่อความก้าวหน้าที่คุณใฝ่หา ผู้รู้ท่านแนะนำว่า คุณต้องยอมรับมันเสียว่า การเมืองในองค์กรมีอยู่จริง เพื่อที่จะไม่ได้เศร้าเสียใจไปให้เสียเวลา พร้อมกับหลีกเสี่ยงที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับมัน รวมทั้งติดตามความคืบหน้า ประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ระแวดระวังและเตรียมการป้องกัน โดยไม่คิดลบ (negative thinking) ไป
* ยืดหยุ่น
อย่าได้คิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่คุณคาดคิดหรือวางไว้ ขอให้คุณมองหาโอกาส และสิ่งที่อาจจะส่งผลด้านลบกับเป้าหมายการสร้างความเติบโตในการทำงานของคุณอยู่เสมอ

ส่วนที่ขอเพิ่มเติมผมเห็นความสำคัญคือ คุณจงมีคุณธรรมและจริยธรรมในการสร้างความเติบโตก้าวหน้าให้กับตัวเอง ผมว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะ หากคุณจะก้าวหน้าในอาชีพการงาน โดยมาจากการทำลายผู้อื่นให้ย่อยยับแล้วล่ะก็ จะมีประโยชน์อะไรที่เราจะภาคภูมิใจกับความเติบโตที่ได้มา บนความหายนะของคนอื่น และหากคุณไม่เห็นว่าเป็นปัญหาแล้ว คุณมั่นใจหรือว่า โอกาสการเติบโตที่คุณได้รับมาจากการขาดคุณธรรมที่ดีงาม จะคงอยู่กับคุณแบบยั่งยืน ผมคิดว่าไม่หรอกครับ จะเริ่มต้นสร้างความก้าวหน้าในงาน...ก็คงต้องเร่งแล้วล่ะครับ เวลาเหลือน้อยลงทุกที โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ใกล้การเปิดประตูต้อนรับแรงงานข้ามชาติ ตามข้อตกลงกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC-ASEAN Economic Cooperation)ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าครับ และขอเน้นอีกสักครั้งครับว่า การวางแผนความก้าวหน้าในอาชีพด้วยตนเอง ไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ง่ายเกินไปนัก หากแต่ต้องอาศัยการจัดการอย่างเข้าใจและมีศิลปะ อาศัยการทบทวน ฝึกฝน และพัฒนาทักษะความสามารถ การปรับพฤติกรรมการทำงานส่วนตัวให้สอดคล้องกับ Competency ขององค์กรที่คุณทำงานอยู่เสมอ จะช่วยให้คนประสบความสำเร็จในการทำงานได้อย่างไม่น่าเชื่อทีเดียวครับ ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น