วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กดดัน...โดนแล้วทำไงดีหนอ?

ความลำบากยากเย็นในการใช้ชีวิตอยู่ของคนเรามีมากขึ้นเรื่อยๆตามวันเวลาและสังคมที่เปลี่ยนไป เกิดเป็นคนยุคนี้มีแต่เรื่องของความกดดัน ตามลำดับขั้นของชีวิต เรื่องบางเรื่องเมื่อยังไม่ถึงวัยคุณอาจยังไม่รู้สึกกดดันกับเรื่องๆนั้น แต่เมื่อถึงวัยหรือเลยวัยแล้ว กลับยิ่งรู้สึกว่ากำลังโดนสังคมและสิ่งแวดล้อมกดดันอยู่ ลองมาดูกันครับว่ามีเรื่องไหนตรงใจคุณกันบ้างรึเปล่า
เรื่องแรกเรื่องการเรียน เป็นเรื่องน่าสงสารของเด็กยุคใหม่ เพราะนับวันการเรียนยิ่งจะเริ่มต้นเร็วขึ้นทุกๆที เด็กตัวเล็กตัวน้อย ต่างต้องเข้าโรงเรียนที่ผู้ใหญ่มองกันว่าดี ว่าเจ๋ง ว่าไฮโซ เปรียบเทียบโรงเรียนที่ลูกตัวเองเรียน พอเด็กเริ่มโต ก็ต้องมาวัดกันที่ชื่อเสียงโรงเรียนที่สอบเข้าได้ วัดกันที่ผลการเรียน วัดกันว่าใครสอบได้มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงขนาดไหน มายุคนี้ดูเหมือนเกณฑ์การศึกษาเริ่มสูงมากขึ้น กลายเป็นว่าปริญญาโทเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง ต่อไปไม่นาน คงจะต้องจบด็อกเตอร์เพียงเท่านั้นถึงจะรอดจากความกดดันไปได้

เรื่องต่อมาเรื่องการมีแฟน ด้วยสื่อ ด้วยสังคมที่เปลี่ยนไป กลายเป็นว่าเด็กๆเริ่มมีแฟนกันตั้งแต่ประถม ตามมาด้วยปัญหาของการตั้งครรภ์ในวัยเรียน ส่วนคนที่ไม่มีแฟนก็รอดเรื่องท้องไปแต่ต้องมาโดนกดดันว่าทำไมไม่มีแฟน ตอนเรียนยังพออ้างได้ว่าตั้งใจเรียนไม่อยากยุ่งเรื่องความรัก (สำหรับคนที่ไม่มี)แต่ถ้าขึ้นระดับมหาวิทยาลัยหรือว่าเข้าวัยทำงานแล้ว เรื่องแฟนกลับกลายเป็นแรงกดดันหนักๆของคนโสดกันเลยทีเดียว

เรื่องการงาน ฐานะ อนาคต หลังจากผ่านการโอ้อวดของบรรดาผู้ปกครองเรื่องชื่อเสียงของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยแล้ว พอจบแล้วต้องมาเจอความกดดันกันต่อว่า ใครทำงานที่ไหน บริษัทเกี่ยวกับอะไร เงินเดือนเท่าไร โบนัสมากไหม ต่อให้เป็นสายงานประเภทเดียวกัน แต่คนละบริษัท คนเรายังสามารถนำมาเปรียบเทียบเพื่อเป็นสิ่งกดดันกันได้อยู่ดี ยิ่งอายุมากขึ้นต้องมานั่งดูเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงานว่าอยู่ในระดับไหนแล้ว

เรื่องการแต่งงาน กว่าจะหาแฟนได้ คบกันให้รอดพอถึงวัยที่สังคมหรือครอบครัวคาดหวัง สิ่งที่ตามมาคือแรงกดดันเรื่องเมื่อไรจะแต่งงาน ถ้าเป็นผู้หญิงจะถูกกดดันกับอายุที่มากขึ้นว่าเมื่อไรแต่ง ส่วนผู้ชายที่ไม่พร้อมจะถูกกดดันว่าเมื่อไรจะแต่งงานซักที

เรื่องการมีลูก กว่าจะฝ่าฟันจนได้แต่งงานกันก็มาถึงลำดับขั้นต่อไปที่เป็นคำถามยอดฮิตของคนแต่งงานแล้วก็คือ เมื่อไรจะมีลูก บางคู่อยากจะเที่ยวรอบโลกหรือใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก่อนที่จะต้องมีภาระครั้งใหญ่ในชีวิตยังไม่วายที่จะหนีคำถามเหล่านี้ไม่พ้น ส่วนคู่ที่อยากมีโดนถามบ่อยๆเข้า ยิ่งกดดันว่าทำไมยังไม่มี

เรื่องสุดท้าย เรื่องการเรียนและความประพฤติของลูก แล้วชีวิตก็วนเวียนเป็นวัฏจักรเมื่อมีลูก ตอนเล็กอยู่ยังไม่เท่าไร พอโตมา ก็วนกลับมาเรื่องของโรงเรียน ความกดดันนี้เปลี่ยนสถานะจากเด็กที่ต้องไปโรงเรียนสู่คนเป็นพ่อแม่ที่ต้องห่วงเรื่องของลูกสารพัดอย่าง ถ้าลูกดีถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าลูกโตมาเป็นเด็กแว๊น สาวสก๊อยช์ คนเป็นพ่อเป็นแม่คงต้องนั่งกุมขมับกันไป

เมื่อคุณอ่านแล้วรู้สึกว่าคุณกำลังโดนคนในครอบครัว เพื่อนฝูง หรือว่าเพื่อนร่วมงานกดดันคุณอยู่รึเปล่าครับ หรือคุณกำลังกดดันตัวเองอยู่ วิธีรับมือหรือว่าวิธีแก้ไขกับแรงกดดันเหล่านี้ คือการปล่อยวางครับ คนเราถ้ารู้จักการปล่อยวาง ชีวิตจะมีความสุขมากขึ้น ถ้าใครกดดันตัวเองจนเครียด ชีวิตจะมีแต่ความทุกข์ ดังนั้นควรทำชีวิตให้อยู่ในความพอดี คือทำดีที่สุดเท่าที่กำลังความสามารถของเราจะทำได้ ยอมรับได้ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร หลังจากทำดีที่สุดแล้ว เพราะถ้าการคิดหรือกังวลในบางเรื่องที่ทำไปแล้วจะทำให้เกิดทุกข์ จึงควรจะหยุดคิดเรื่องที่บั่นทอนจิตใจของเรา แรงกดดันจากสังคมมากมายขนาดไหนคงไม่มีผลกับคนที่รู้จักปล่อยวาง เพราะสุดท้ายชีวิตเราเป็นของเรา จะดีจะร้ายขึ้นอยู่กับตัวเรา ถ้าเราเปิดรับความทุกข์ที่คนภายนอกส่งมาให้เรา คนที่ทุกข์ที่สุดคือตัวของเราเอง แล้วคุณล่ะครับ ปล่อยวางรึยัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น