วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ความเปลี่ยนแปลงในการ(ทำ)งาน


อะไร อะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ นั่นย่อมหมายความว่า..อะไร อะไรก็ย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอเช่นกัน ในเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ตัวเราเองก็ต้องมีความสามารถในการปรับตัวตามมา ทุกครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ในศตวรรษนี้ ก็คือ พนักงานต้องมีความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างขององค์กร กระบวนการทำงาน หรือระบบในการทำงาน ฯลฯ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อทุกคน ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งอะไร เพศไหน หรือมีประสบการณ์การทำงานเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่เรายอมรับได้ว่าการเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นจะต้องเป็นสิ่งเลวร้าย แต่การจัดการที่ไม่ดีย่อมส่งผลร้ายต่อการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ดังนั้น เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงย่อมเป็นธรรมดาที่หัวหน้างานจะต้องเผชิญหน้ากับ
* การต่อต้านการเปลี่ยนแปลงของ พนักงาน
* ความขัดแย้งหรือความไม่เข้าใจกัน ในระหว่างผู้ร่วมงาน หัวหน้างาน และทีมงาน
* ความสับสนและไม่แน่ใจกับอนาคต ในการทำงาน
* ความเครียดในงาน
* ผลการปฏิบัติงานที่ตกต่ำลดลง
* การลาออกของพนักงาน ฯลฯ

ดังนั้น ผู้จัดการและหัวหน้างานควรสื่อสารในเรื่องการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อให้เกิดความสูญเสียและผลกระทบด้านลบอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กรให้น้อยที่สุด และพนักงานควรได้รับการช่วยเหลือหรือสนับสนุนอย่างไรเพื่อให้เขาสามารถบรรลุการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างราบรื่น
1.หากมีการเปลี่ยนแปลงในด้านขอบข่ายการทำงานให้อธิบายลักษณะงาน (job description)ที่เขาได้รับมอบหมายใหม่อย่างละเอียด และชัดเจนเพื่อให้พนักงานเข้าใจหน้าที่ และบทบาทที่เขาจะได้รับในอนาคต เมื่อเขาเข้าใจงานแล้วจะช่วยให้เขามองเห็นภาพในงานได้ชัดเจน ซึ่งเป็นการช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลในงานได้อีกด้วย นอกจากนั้นควรแจ้งให้พนักงานทราบถึงเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพใหม่ของเขา ด้วยเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดในแผนพัฒนาอาชีพของเขา

2.ช่วยพนักงานค้นหาจุดแข็ง และจุดอ่อนของตัวเองที่อาจส่งผลกระทบต่องานใหม่ ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้พวกเขาเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มความรู้ หรือทักษะที่พวกเขาขาดไป พยายามช่วยพวกเขาให้เติมเต็มในข้อจำกัดที่พวกเขามีต่องานใหม่ เมื่อทักษะและความสามารถของพนักงานได้รับการพัฒนา พวกเขาจะเกิดความมั่นใจ และส่งผลให้ผลงานออกมาได้ตรงตาม เป้าหมายที่วางไว้

3.ช่วยเหลือพนักงานของคุณโดยตัวคุณเองควรเป็นทั้งพี่เลี้ยงในการสอนงาน และโค้ชให้กับพวกเขา โดยเฉพาะลูกน้องที่อาจจะออกไปจากแผนก หรือคนใหม่ที่กำลังเข้ามาร่วมงานในทีมของคุณ เริ่มต้นด้วยการการสร้างความเป็นมิตรที่อบอุ่น และเรียนรู้ที่จะฟังพวกเขาอย่างตั้งใจ ความจริงใจ และการรับฟังจะก่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อลูกน้องในระยะยาว นอกจากนั้นคุณควรใช้ทักษะการโค้ชอย่าง มีประสิทธิภาพ (เช่น การใช้คำถามเปิด การให้ความยกย่องชมเชยเมื่อพวกเขาทำสิ่งที่ดี)เมื่อต้องสื่อสารกับพนักงานของคุณ

4.ระหว่างการเปลี่ยนแปลงอาจส่ง ผลกระทบต่อขวัญกำลังใจและการเป็นหนึ่งเดียวของทีม หัวหน้างาน ผู้จัดการควรทำหน้าที่ประสานรอยต่อของช่องว่างที่เกิดขึ้นและ ช่วยส่งเสริมให้ทีมงานแข็งแกร่งและกลายเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้

5.เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงมัน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งผลกระทบต่อจิตใจ หากเป็นไปได้ควรอธิบายถึงสาเหตุและเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดผลกระทบด้านลบที่เกิดขึ้นกับจิตใจ อาการหวั่นวิตก ไม่มั่นใจ งง สับสน และไม่แน่ใจกับอนาคต สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง หากพนักงานต้องการความกระจ่างแจ้ง อย่าปล่อยให้ความสงสัยของเขาไม่ได้รับคำตอบ

6.ความสงสัยในตัวเองเป็นปฏิกิริยาอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง พนักงานหลายคนเริ่มถามตัวเองว่าเขาจะสามารถทำงานใหม่ได้ดีแค่ไหน โดยปกติเมื่อคนเราได้ยินคำว่า "เปลี่ยนแปลง" เรามักจะคิดถึงมันในแง่ลบมากกว่าแง่บวก หัวหน้างานควรชวนให้ พนักงานมองในมุมมองใหม่ๆ อย่างในเรื่องความท้าทายในงาน และชี้ให้เห็นถึงศักยภาพที่เขามีอยู่และโอกาสใหม่ๆ ที่จะได้รับเพื่อช่วยเพิ่มความความมั่นใจให้แก่เขา

7.อย่าละเลยพนักงานที่เหลือซึ่งไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลง หัวหน้างานควรจัดสรรเวลาเพื่อสื่อสารถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พนักงานได้ เข้าใจตรงกัน ให้ข้อมูลที่ชัดเจน และถูกต้องแก่พวกเขา สิ่งเหล่านี้จะช่วยรักษาขวัญและกำลังใจของพนักงานคนอื่นๆ ไว้ได้ อย่าหลีกเลี่ยงเมื่อพนักงานต้องการความกระจ่างแจ้ง หากคุณไม่ทราบควรจะบอกพนักงานอย่างจริงใจ และให้ความเชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถพูดคุยกับคุณได้โดยตรงหากพวกเขาต้องการ

8.สุดท้าย แนะนำให้พนักงานติดต่อโค้ชเพื่อชีวิตและการงาน เพื่อช่วยกันหาแนวทางแก้ปัญหา และให้คำแนะนำส่วนตัวแก่พนักงานคนนั้นๆ และเพื่อช่วยพนักงานรับมือกับปฏิกิริยาตอบสนองทางอารมณ์ต่อการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้น เช่น ความกลัว สับสน โกรธ ฯลฯ

ดังนั้นในฐานะที่คุณเป็นผู้จัดการ อย่าลังเลที่จะพูดกับโค้ชส่วนตัวของคุณ และโปรดจำไว้ว่าคุณเองก็เป็นผู้ที่ประสบกับการเปลี่ยนแปลง และจะเป็นประโยชน์สำหรับการดูแลตัวคุณเองเช่นกัน นอกจากนั้นโค้ชจะช่วยคุณเรื่องทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยให้เกิดการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้นซึ่งไม่ยากเลย?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น