
วันนี้มาแก้เครียดน้ำท่วมกันด้วยการอ่านบทความหนัง เรื่องนี้เป็นนิยายมาก่อนมาทำหนัง (โดยส่วนตัวผมชอบหนังเรื่องนี้มาก) ซึ่งนิยายเรื่องที่ดีย่อมมีมากกว่าความบันเทิง นิยายบางเรื่องให้ภาพชีวิตและสังคมในประเทศหนึ่งได้ดียิ่งกว่าที่หนังสือประวัติศาสตร์จะมอบให้ได้ เนื่องจากนิยายไม่ได้ถูกคาดหวังว่าจะเป็น “เรื่องจริง” ดังนั้น จึงบริสุทธ์ผุดผ่องมากกว่าประวัติศาสตร์ ที่อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของผู้ชนะ
The Godfather(ก็อดฟาเธอร์) คือ นิยายระดับปรมาจารย์ที่ให้บทเรียนชีวิตอันลึกซึ้ง สะท้อนด้านมืดในสังคมที่ถูกบิดเบือนหรือละเลยจากนักประวัติศาสตร์ ปลอบโยนผู้ท้อแท้ด้วยความโรแมนติคหวานล้ำในครอบครัว คลี่คลายให้เห็นมันสมองเฉียบคมในการช่วงใช้ทั้งความโหดร้ายรุนแรงและความอ่อนนุ่มละมุนละไมเพื่อบรรลุภารกิจในการก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกอาชญากรรม จุดมุ่งหมายสูงสุดของนิยาย คือ การสร้างความสุขสมหฤหรรษ์ให้กับผู้เสพรับ แต่กระนั้น นิยายชั้นเลิศย่อมบรรจุความจริงที่ล้ำลึกของมนุษย์เข้าไปผสมคลุกเคล้า เพื่อทำให้ความสนุกสวยงามนั้นมีเลือดเนื้อและชีวิตสมจริงยิ่งกว่าความจริงในชีวิตปกติประจำวันอันน่าเบื่อหน่าย ดังนั้น การเสพนวนิยายที่ยิ่งใหญ่ จึงไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือย แต่เป็นการเรียนรู้ชีวิตอย่างถึงแก่นเพื่อพัฒนาตัวเราให้มีคุณค่าความหมายมากกว่าการเกิดมา เสพสุข และตายจากไปโดยไม่ทิ้งสิ่งใดไว้ให้โลกได้จดจำ
1. โลกนี้สีเทา
มาเฟียไม่ได้กำเนิดมาจากความเลวร้าย แต่เนื่องจากกลไกอำนาจรัฐที่ขาดประสิทธิภาพ อำนาจรัฐที่กดขี่ข่มเหงคนไร้ทางสู้ ดังนั้น ผู้ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาจึงต้องจัดตั้งองค์กรเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า มาเฟียไม่ใช่เรื่องที่ดีงาม แต่มาเฟียจะดำรงอยู่ไม่ได้เลยหากไม่มีฐานมวลชนสนับสนุน ดังนั้น การเกิดขึ้นของมาเฟียจึงเป็นการสมยอมประโยชน์กันระหว่างผู้นำบารมีกับประชาชนที่ถูกอำนาจรัฐทอดทิ้ง
โครงสร้างอำนาจของผู้ยิ่งใหญ่ จึงต้องมีความสมดุลทั้งความรุนแรงและความละมุนละไม ในขณะที่ “ดอนวีโต้” ต่อสู้ท้าทายกฎหมาย เขากลับช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ที่ถูกทำร้ายทอดทิ้งจากสังคม นี่จึงทำให้ ดอนเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมือง และไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจปืนอยู่ร่ำไป
ความอัจฉริยะของดอนวีโต้ ทำให้เขาตระหนักได้ดีถึงแนวโน้มทางสังคม (Trend) ที่กำลังเปลี่ยนแปลง นั่นคือ อำนาจปืนจะไม่มีความหมายอีกต่อไป ในขณะที่สังคมเจริญก้าวหน้ามากขึ้น ดังนั้น เขาจึงวางแผนการอย่างสุขุมรอบคอบที่จะเคลื่อนย้ายความมั่งคั่งและขุมกำลังที่สะสมมาจากโลกมืด เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นความได้เปรียบในการต่อสู้ทางธุรกิจและการเมืองในโลกสว่าง สถานที่ซึ่งลูกหลานของเขาจะไม่ต้องหลั่งเลือดเลียคมดาบเหมือนในรุ่นตนอีกต่อไป “ดอน” ผู้ยิ่งใหญ่จึงไม่ได้โหดเหี้ยมหรือใจดีโดยนิสัยส่วนตัว แต่ขึ้นอยู่กับบริบททางสังคม ทุกการกระทำจึงเกิดจากการไตร่ตรองถึงผลดีผลเสียอย่างรอบคอบ เพื่อปกป้องอาณาจักรและคนที่ตัวเองรัก
2. ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่
ใครที่คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว ย่อมยิ่งใหญ่อยู่ได้ไม่นาน เพราะคนเรามีความสามารถจำกัด จึงต้องมีทีมงานและเครือข่ายในการสนับสนุน ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดในการได้รับความสนับสนุนจากผู้คนก็คือ การรับผิดชอบในชะตาชีวิตของพวกเขา ทั้งการหยิบยื่นผลประโยชน์อย่างเหมาะสม การให้เกียรติด้วยความจริงใจ และการให้อิสรภาพในการทำงาน แต่กระนั้น ความรับผิดชอบย่อมไม่ควรกระทำอย่างไร้เดียงสา ดอนวีโต้ได้ตำหนิ “จอหน์นี่” ที่ใช้ความรับผิดชอบในทางที่ผิดด้วยการให้ค่าเลี้ยงดูอดีตภรรยาด้วยเงินที่มากกว่าศาลกำหนด แต่กลับได้รับความเฉยเมินเย็นชาเป็นการตอบแทน ในขณะที่จอหน์นี่กลับทรยศเจ้านายด้วยการแย่งผู้หญิงมาครอบครอง จึงถูกล้างแค้นด้วยการไม่ให้งานแสดงภาพยนตร์ และนำไปสู่ความตกต่ำเสื่อมถอยในอาชีพการงาน

ในทางตรงข้าม ไมเคิลที่ต่อต้านดอนวีโต้มาโดยตลอด ได้ตัดสินใจสังหารนายตำรวจใหญ่ที่มั่วสุมกับแก๊งมาเฟียเพื่อปกป้องชีวิตพ่อของเขา ซึ่งแม้จะทำให้ความปรารถนาในชีวิตที่จะเป็นพลเมืองดีของชาติบ้านเมืองต้องจบสิ้นลง แต่มันก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความรับผิดชอบที่ตัวเขามีต่อครอบครัว และในภายหลังเมื่อไมเคิลได้ขึ้นเป็น “ดอนไมเคิล” เขาได้ตัดสินใจที่จะกำจัดน้องเขยและเตสซิโอลูกน้องผู้ทรยศ ก็เนื่องจากความรับผิดชอบต่อครอบครัวและลูกน้องที่ต้องพึ่งพาอำนาจและการดำรงอยู่ของเขา ความโหดร้ายรุนแรงและการล้างแค้นย่อมไม่ใช่สิ่งที่วิญญูชนพึงกระทำ แต่กระนั้นก็ได้สะท้อนให้เห็นว่าความรับผิดชอบที่กระทำอย่างเหมาะสม ย่อมเป็นรากฐานสำคัญในการบริหารปกครององค์กร
3. รื่นรมย์ท่ามกลางความขมขื่นของชีวิต
ดอนได้เรียนรู้ที่จะเป็นคนมีเหตุผล ซึ่งตรงข้ามกับความบุ่มบ่ามใจร้อนที่ได้จบชีวิตบิดาของเขา โดยถือคติว่า “การล้างแค้น คืออาหารที่มีรสชาติดีที่สุดเมื่อเย็นแล้ว” อานิสงส์ในการเป็นคนมีเหตุมีผลมาตลอดชีวิต ได้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเชื่อถือในคำมั่นสัญญาของดอนที่จะไม่แก้แค้นในความตายของลูกชายคนโต ซึ่งการที่ดอนยอมรับเงื่อนไขนี้ก็เพื่อรักษาชีวิตของลูกชายคนเล็กไว้ให้ปลอดภัย หลังจากนั้นจึงได้ร่วมมือกันวางแผนเพื่อหลอกให้ศัตรูตายใจและทำการสังหารอย่างเลือดเย็น เพื่อปิดฉากความขัดแย้งอันยาวนาน การตัดสินใจเข้าสู่ชีวิตด้านมืดอันยิ่งใหญ่นี้ ได้ผ่านการไตร่ตรองมาแล้วอย่างรอบคอบที่สุด ดังนั้น ดอนจึงไม่มีความสำนึกเสียใจที่ได้เลือกเดินเส้นทางนี้ แม้ว่าจะต้องสูญเสียลูกชายคนโตอันเป็นที่รักไปก็ตาม เพราะนั่นคือ ราคาที่ต้องชดใช้สำหรับความรื่นรมย์และสะดวกสบายในชีวิตทั้งของตนเองและครอบครัว ในบั้นปลายชีวิต ดอนวีโต้ได้ปล่อยวางอำนาจทั้งหมดให้ลูกชายคนเล็ก โดยตัวเขาหันไปปลูกผักทำสวน ที่แม้จะเป็นงานอดิเรกที่กระจ้อยร่อย แต่ดอนก็มีความสุขล้นและตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ในงานเล็กๆนี้ ที่ต้องอาศัยความอดทนและเอาใจใส่ดูแลประดุจเดียวกับมิตรภาพ ที่เป็นเสาหลักอำนาจอันยิ่งใหญ่ในอดีตของเขา
ดอนวีโต้ผู้ยิ่งใหญ่ ก็ได้จบสิ้นชีวิตของตนเองท่ามกลางสวนไม้ดอกที่เขาดูแลเอาใจใส่ ซึ่งเป็นสวนที่ทำให้เขารำลึกถึงวัยเด็กที่ซิซิลีเมื่อ 60 ปีที่แล้ว รำลึกถึงมันได้โดยไม่มีความกลัว ไม่มีความเสียใจที่พ่อเขาตาย และในที่สุดวันนี้ความตายก็ได้มาเยือนเขา ดอนผู้ยิ่งใหญ่กำลังจะสิ้นสุดชีวิตลง เขาได้กลิ่นสวน ได้กลิ่นแสงสีเหลืองที่เสียดแทงตา แล้วเขากระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “ชีวิตสวยงามมาก”

เสน่ห์ลี้ลับของ The Godfather คือ การบรรยายสลับไปมาระหว่างความโหดร้ายขมขื่นและความหวานหอมของชีวิต ในท่ามกลางความงามที่ร้อนแรงของวงการมายาฮอลลี่วู้ด ก็กลับมีความหยาบคายมั่วสุมยิ่งกว่าคนธรรมดาจะรับได้ ในความทารุณที่มืดมิดของเกาะซิซิลีบ้านเกิดมาเฟีย ก็กลับมีแสงสว่างแห่งความงามของดอกไม้พืชผลที่แทบจะเป็นสวนสวรรค์บนแดนดิน
The Godfather จึงเป็นเหมือนกระจกเงา ที่ส่องสะท้อนให้ “มนุษย์” ได้เรียนรู้ถึงความหมายชีวิต ทั้งในด้านที่อัปลักษณ์บิดเบี้ยวและในด้านที่งดงามอ่อนช้อย โดยการเขย่าส่วนผสมทั้งหลายนี้ให้ตกตระกอนเข้มข้น ที่ไม่อาจแยกแยะถึงความแตกต่างระหว่างกัน เพราะต่างก็สะท้อนถึงจิตวิญญาณอันละเอียดอ่อนของมวลมนุษยชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น